Search for:
คันเกียร์มอเตอร์ไซค์
อันตรายกว่าที่คิด ! วางเท้าไว้ใต้คันเกียร์มอเตอร์ไซค์ระหว่างขับขี่

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

เชื่อว่าหลายคนคงเคยชินกับการวางเท้าไว้ใต้คันเกียร์มอเตอร์ไซค์ขณะขับขี่ เพราะเป็นบริเวณที่วางเท้าได้ง่ายและไม่เมื่อยเท้า แต่รู้หรือไม่ว่าวิธีการวางเท้าสอดไว้ใต้คันเกียร์นั้นส่งผลอันตรายต่อการขับขี่มอเตอร์ไซค์ไม่น้อยเลยทีเดียว วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับวิธีการวางเท้าขณะขับขี่อย่างถูกต้อง ตามไปดูกันเลย!

วางเท้าไว้ใต้คันเกียร์มอเตอร์ไซค์ อันตรายอย่างไร?

แม้ว่าการวางเท้าไว้ใต้คันเกียร์จะทำให้คุณรู้สึกสบายและไม่ต้องอเท้าให้เมื่อย แต่การวางเท้าสอดไว้ใต้คันเกียร์มอเตอร์ไซค์นั้นจะทำให้เท้าถูกล็อคเอาไว้แบบนั้นทันที และเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละครั้งก็ต้องดึงเท้าออกมาจากใต้คันเกียร์และยกปลายเท้าขึ้นมาเปลี่ยนเกียร์ตามที่ต้องการ ซึ่งอาจทำให้คุณเสียจังหวะในการเปลี่ยนเกียร์ได้ เช่น ยกเท้าขึ้นไม่ทัน เปลี่ยนเกียร์ไม่ได้ตามรอบเครื่องยนต์ เป็นต้น

นอกจากนี้ในบางครั้งการวางเท้าไว้ใต้คันเกียร์อาจทำให้ปลายเท้าไปเตะคันเกียร์อัตโนมัติ จนทำให้มอเตอร์ไซค์เสียการทรงตัว ส่งผลให้คุณอาจได้รับอันตรายและเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ได้

‍ในกรณีรถคว่ำและคุณไม่สามารถนำเท้าออกมาจากใต้คันเกียร์ให้ทัน ตัวคุณจะติดอยู่กับรถและเกิดแรงกระแทกบริเวณข้อเท้าอย่างหนักหน่วง ทำให้ข้อเท้าหักได้ในทันที ดังนั้นต้องพยายามมองข้ามความเมื่อยและวางเท้าระหว่างการขับขี่อย่างถูกต้องจะดีที่สุดครับ

วางเท้าขณะขับขี่มอเตอร์ไซค์อย่างถูกต้อง ทำอย่างไร?

การวางเท้าขณะขับขี่อย่างถูกต้องนั้นจะต้องวางเท้าไว้ที่พักเท้า โดยปลายเท้าจะต้องวางไว้ที่แป้นคันเกียร์หรือแป้นเบรกเท่านั้น เพื่อให้ปลายเท้าสามารถควบคุมจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ให้ทันตามรอบเครื่องยนต์ได้ เพียงเท่านี้ตลอดการเดินทางของคุณก็ปลอดภัยแล้วครับ

‍โดยจำไว้ว่าทุกส่วนภายในร่างกายจะต้องเป็นอิสระจากตัวรถ ห้ามให้ตัวเองถูกล็อคกับตัวรถเป็นอันขาด เพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุใด ๆ ตัวคุณจะต้องสามารถหลุดออกมาจากมอเตอร์ไซค์ได้ 100% วิธีนี้จะช่วยให้คุณรอดจากขีดอันตรายได้มากที่สุดครับ

‍จะเห็นได้ว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการวางเท้าไว้ใต้คันเกียร์มอเตอร์ไซค์ ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้ ซึ่งในบางครั้งเราก็เข้าใจได้ว่าบางคนต้องขับขี่รถทางไกล หรือขับขี่รถเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็อาจเผลอตัวไปด้วยความเคยชิน เท้าเลื่อนลงมาบริเวณใต้คันเกียร์เองโดยไม่รู้ตัว

‍แต่เราก็อยากให้ทุกคนคอยเตือนสติตัวเองอยู่เสมอว่าการวางเท้าไว้ใต้คันเกียร์มอเตอร์ไซค์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี ลองปรับพฤติกรรมการวางเท้าและทำให้เคยชินบ่อย ๆ เพื่อความปลอดภัยระหว่างการขับขี่

มอเตอร์ไซค์
วิธีเช็คทักษะในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะสิ่งที่ทุกบ้าน ทุกคนต้องมี ทั้งขับขี่ได้คล่องตัวมากกว่า หากต้องการความปลอดภัยทุกการขับขี่จำเป็นต้องใช้ทักษะในการควบคุมและการตัดสินใจอย่างรู้หลัก เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทางหรือออก Trip

รวมทักษะขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่ควรทราบ

สำหรับการเลือกขับขี่รถมอเตอร์ไซค์อย่างถูกต้องจำเป็นต้องรู้ทักษะเพื่อความปลอดภัยในด้านการขับขี่จำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะขั้นพื้นฐานของการขับขี่มีดังนี้

  • การเช็คทัศนคติและสภาพจิตใจ รวมไปถึงการสำรวจตัวรถโดยรวมในบางครั้งก็หลงลืมไปว่าความพร้อมทั้งตัวรถและคนต้องมีประสิทธิภาพ การเช็คเบื้องต้นต้องดูที่ความพร้อมและการเช็คอารมณ์ ต้องมีสภาพจิตใจ การเช็คเรื่องอารมณ์เป็นส่วนสำคัญเพราะตลอดการเดินทางอาจจะมีปัญหาหรือเหตุการณ์อะไรภายหน้า

  • การดูจากจังหวะการขึ้นรถ เพราะการขึ้นรถเรียกว่าเป็น Basic ขั้นพื้นฐานที่หลายคนมองข้าม บางครั้งอาจจะขึ้นผิดวิธี ตามหลักแล้วการจัดตำแหน่งในการขับขี่มีผลต่อการขับ ตำแหน่งของมือและเท้า การออกเดินทางไปได้สักพักสิ่งที่เราจะสังเกตได้ง่ายสุดของตำแหน่งของมือและเท้าของผู้ขับขี่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ โดยที่มือซ้ายประครองแฮนด์ กางออกเพื่อจำกำคลัทช์ในจังหวะเปลี่ยนเกียร์เพื่อป้องกันการเปลี่ยนเกียร์หรือเครื่องยนต์ มือขวานั้นต้องระวังเรื่องกำคันเร่งและยังถูกนำมาใช้งานเพื่อคุมคันการเบรกของล้อหน้า

  • ดูการใช้คลัทช์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ใช้งานจะต้องระวังเรื่องการใช้งานควรฟังเสียงของตัวรถ เมื่อเวลาที่เราได้ลดความเร็วลงเพื่อชะลอและการเตรียมตัวเข้าโค้งในแบบฉุกเฉิน เมื่อเข้าโค้งให้เริ่มเตรียมตัวในการกำคลัทซ์เพื่อให้เกิดการหมุน Free ของเครื่องยนต์แบบไม่สร้างแรงเฉื่อยเกิดขึ้นและช่วยชะลอรถให้เข้าโค้งได้ดีขึ้น

  • เทคนิคการชะลอรถและเข้าจอดเป็นทักษะขั้นพื้นฐานที่เราจะต้องฟังเสียงรอบเครื่องยนต์ว่าสูงหรือว่ายานเกินไปในการชะลอความเร็วจะต้องชัดเจนว่าเราจะช่วยในการลดเกียร์เพื่อสร้างแรงเฉื่อยจากรอบของเครื่องยนต์มีการเปลี่ยนแปลงที่เฉียบพลัน หรือไม่หรือเกิดการกระฉากแค่ไหน และไม่ควรพยายามที่จะลดเกียร์ให้กลายเป็นเกียร์ว่างเพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

เทคนิคสังเกตุการเข้าโค้งของรถมอเตอร์ไซค์

วิธีเช็คทักษะในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เทคนิคสังเกตุการเข้าโค้งเป็นส่วนที่สำคัญและเลี่ยงปัญหาหรืออุบัติเหตุได้โดยจะมีความซับซ้อนเกิดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเรื่องการออกตัว การเบรกเป็นสิ่งที่มีความยากลำบากพอควร แต่สิ่งที่น่าจะตอบอะไรได้มากสุดคือการดูทักษะเรื่องการเข้าโค้ง ที่จะทำให้เรามีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้หากเข้าโค้งผิดวิธี สิ่งที่ควรสังเกตคือ ความเร็ว องศาของการเลี้ยว การมองหาทางเข้าออก เพราะการเข้าโค้งไม่จำเป็นต้องไวเน้นความเร็วพอประมาณไม่มากเกินไปเพราะบนถนนจริงเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุมากกว่าสนามแข่ง

ทักษะในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เป็นส่วนหนึ่งของการขับขี่ปลอดภัย มีส่วนสำคัญในการขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น หากรู้จักจุดเริ่มต้นของการขับขี่อย่างมีทักษะที่นำมาใช้ได้ถูกจังหวะและไม่เกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน

ปุ่มใต้กระจกมองหลัง
หลายคนไม่รู้! ประโยชน์ที่แท้จริงของปุ่มใต้กระจกมองหลัง

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

เชื่อว่ามีผู้ใช้รถจำนวนไม่น้อยสังเกตเห็นปุ่มเล็กๆ อยู่บริเวณใต้กระจกมองหลังภายในห้องโดยสาร และหลายคนก็ทราบว่ามีไว้เพื่อใช้สำหรับตัดแสงจ้าจากรถคันหลัง แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่าแท้จริงแล้วมันใช้งานอย่างไร บทความนี้จะขอแนะนำวิธีการใช้กระจกตัดแสงที่ถูกต้องมาฝากกัน

กระจกมองหลังตัดแสงทำงานอย่างไร?

ปัจจุบันกระจกมองหลังมีระบบตัดแสง 2 รูปแบบ คือ แบบธรรมดา และแบบอัตโนมัติ โดยที่กระจกตัดแสงอัตโนมัติจะใช้เซ็นเซอร์ขนาดเล็กในการวัดแสงสะท้อนจากรถคันหลัง จากนั้นจะเพิ่มความเข้มของกระจกโดยอัตโนมัติหากพบว่ามีแสงจ้าที่อาจทำให้ผู้ขับขี่ตาพร่ามัวได้ ซึ่งกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติไม่ต้องการการควบคุมใดๆ ของผู้ใช้รถเลย เพราะระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติ 100% (เว้นแต่รถบางรุ่นสามารถเปิด-ปิดการทำงานของระบบตัดแสงอัตโนมัติได้)

ส่วนกระจกตัดแสงแบบธรรมดานั้น จะใช้หลักการหักเหของแสงเพื่อลดแสงสะท้อนแทน โดยเนื้อกระจกจะถูกออกแบบให้มีรูปทรงพิเศษเพื่อช่วยในการลดแสงจ้าจากรถคันหลัง วิธีการทำงานก็ง่ายดาย หากพบว่ารถคันหลังเปิดไฟสูงหรือมีแสงสว่างจ้า ก็เพียงดึงก้านเข้าหาตัว กระจกจะทำมุมเงยขึ้นเล็กน้อย และช่วยลดความสว่างจ้าจากรถคันหลังได้

ทั้งนี้ รถบางรุ่นอาจออกแบบให้ใช้วิธีการผลักก้านไปข้างหน้าเพื่อลดแสงสะท้อนแทน จึงควรศึกษาคู่มือการใช้งานของรถแต่ละคันอย่างละเอียด เพราะการใช้งานที่ถูกต้องจะช่วยรักษามุมสะท้อนของกระจกได้ คงไว้ซึ่งทัศนวิสัยด้านหลังรถ ไม่ต้องมาคอยปรับองศาของกระจกทุกครั้งไป

เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็อย่าลืมใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกันด้วยนะครับ

เทคนิกการขับมอเตอร์ไซค์
เทคนิกการขับมอเตอร์ไซค์ในที่ที่มีน้ำท่วม

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

ปัญหาเรื่องน้ำท่วมขังไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาหน้าฝน ช่วงหน้าน้ำหลาก การใช้รถจำเป็นต้องมีเทคนิคของการขับขี่เพื่อความปลอดภัยทั้งรถและตัวผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะของการขับขี่อย่างถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง

ทำอย่างไรเมื่อต้องขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมขัง

หากต้องการขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมขังหรือพบกับปัญหาเรื่องน้ำท่วมควรมีวิธีรับมือและทักษะของการขับรถอย่างถูกวิธีเพื่อ Safety ความปลอดภัยดังนี้

  • ไม่ควรขี่รถลุยน้ำท่วมสูงเกินกว่า 1 ฟุต จากระดับพื้นถนน หรือห้ามท่วมถึงคาบููเรเตอร์เด็ดขาด หากเป็นรุ่นหัวฉีดก็ระวังเรื่องน้ำเข้าเครื่องกรองอากาศส่งผลต่อระบบเครื่องยนต์เสี่ยงต่อความเสียหาย และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้โดยง่าย หากไม่รู้จักหรือชำนาญเส้นทางเพราะเวลาน้ำท่วมขังยากที่จะจำหลุม บ่อ แม้ว่าจะเป็นเส้นทางที่เราผ่านทุกวันก็ตาม เมื่อเวลาน้ำท่วมยากที่จะสังเกตเห็นได้ชัดถึงความลึก

  • หากพบว่ามีน้ำท่วมขังไม่ควรขับเร็ว ควรเลือกใช้ระดับความเร็วที่พอดี และเป็นระดับพื้นที่สามารถมองเห็นพื้นถนนได้ ป้องกันไม่ให้น้ำกระจายมากเกินไป หรือบางครั้งอาจจะเจอกับถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ หากขับรถเร็วเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายขึ้นได้ง่าย

  • ควรเลือกที่จะเบรกเป็นระยะเพื่อเป็นการไล่น้ำและป้องกันเบรกลื่น ปัญหาน้ำท่วมขังจะทำให้เรื่องผ้าเบรกกับจานเบรกทำงานได้ไม่เต็มที่ เสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุและอันตรายขึ้นได้ง่ายเพราะผ้าเบรกไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ การเบรกย้ำ ๆ บ่อย ๆ ครั้ง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการทำงานของเบรกได้อย่างดีเยี่ยมที่สุด

  • กรณีที่รถดับ กลางทาง อย่าเพิ่งเร่งรีบสตาร์ทเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด ให้เข็นรถมายังบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึงหรือบริเวณที่มีพื้นแห้งเพื่อต้องการ Check ว่ามีน้ำเข้าท่อไอเสียหรือไม่ หากพบว่ามีน้ำขังให้หาทางระบายน้ำออกโดยเร็ว หลังจากนั้นให้ทำการสตาร์ทเครื่องด้วยคันสตาร์ทเท้าจะดีที่สุด ควรเร่งเครื่องทิ้งไว้ 3-5 นาทีก่อน เพื่อต้องการเร่งเครื่องให้ร้อนขึ้นมาจากเดิม

รถสตาร์ทติดแล้วต้องทำอย่างไรหลังจากถูกน้ำท่วม

เทคนิกการขับมอเตอร์ไซค์ในที่ ที่มีน้ำท่วมขังหลังจากนั้นให้ลุยน้ำมาจนถึงหมายนั่นหมายถึงบริเวณที่แห้งไม่มีน้ำท่วมขังอีก เพื่อป้องกันปัญหาซ้ำซ้อนและเพื่อความปลอดภัย หลังจากที่ลุยน้ำมาได้แล้วให้เราอย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ในทันที เพราะอาจยังมีน้ำตกค้างอยู่ในท่อไอเสีย หากเราเลือกที่จะดับเครื่องทันทีเสี่ยงต่อการทำให้ท่อผุก่อนเพราะมีน้ำขังอยู่ ดังนั้นการเลือกที่จะสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้สักพักจะทำให้น้ำในท่อเริ่มระเหยออกไปในรูปแบบไอน้ำ หรือควันลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เปรียบเหมือนกับเพิ่มความร้อนไปยังท่อเพื่อให้น้ำมีความร้อนสูงขึ้น

การขับมอเตอร์ไซค์เมื่อต้องพบปัญหาน้ำท่วมทั้งที่เครื่องดับหรือไม่ดับจำเป็นรู้จักวิธีจัดการอย่างถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการกำจัดน้ำและป้องกันน้ำเข้าเครื่องหรือระบบได้อย่างดีเยี่ยมที่สุด โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนจำเป็นต้องเพิ่มความระวังเรื่องอุบัติเหตุให้มากที่สุด

กั๊กที่จอด
กั๊กที่จอดรถบนถนนสาธารณะมีความผิดอย่างไรบ้าง?

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

การวางวัตถุ สิ่งของ เช่น แผงเหล็ก เก้าอี้ หรือสิ่งอื่นใด บนถนนสาธารณะ เพื่อจับจองพื้นที่ดังกล่าวเป็นของตนเองหรือผู้อื่น ในลักษณะกีดขวาง เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535

หากเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลสามารถทําได้

หากเป็นที่สาธารณะ ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 114 ซึ่งบัญญัติว่า

“ห้ามมิให้ผู้ใดวาง ตั้ง ยื่น หรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร แต่หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจะอนุญาตได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุอันจำเป็นและเป็นการชั่วคราวเท่านั้น ผู้ฝ่าฝืนบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง นอกจากจะมีความผิดตามมาตรา 148 แล้ว หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจสั่งให้ผู้ฝ่าฝืนรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางดังกล่าวได้ ถ้าไม่ยอมรื้อถอนหรือเคลื่อนย้าย ให้หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายได้”

ซึ่งมาตรา 148 เป็นบทกำหนดโทษ โดยโทษของการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 114 วรรคหนึ่ง คือต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท นอกจากนั้นยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 ที่กำหนดว่า

“ผู้ใดไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วยประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท”

ส่วนการติดป้ายห้ามจอด ถือเป็นการทำสัญญาณหรือเครื่องหมายจราจร ถ้ามิได้เป็นเจ้าพนักงานอาจจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 28 ที่กำหนดว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากเจ้าพนักงานจราจรหรือเจ้าพนักงาน ทำ ติดตั้ง หรือทำให้ปรากฏซึ่งสัญญาณจราจร หรือเครื่องหมายจราจรในทางที่ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดตามมาตรา 21”

ซึ่งจะมีผลให้เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจยึด รื้อถอน ทำลาย หรือทำให้สิ้นไปซึ่งสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรนั้นได้ ตามมาตรา 30 กำหนดให้สัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรที่ทำ ติดตั้งหรือทำให้ปรากฏในทาง โดยฝ่าฝืนมาตรา 28 ดังกล่าว หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจยึด รื้อถอน ทำลาย หรือทำให้สิ้นไปซึ่งสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรนั้นได้

น้ำมันเครื่อง
4 อาการบ่งบอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยน “น้ำมันเครื่อง”ได้แล้ว

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

“น้ำมันเครื่อง” เป็นส่วนประกอบที่สำคัญเพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ โดยน้ำมันเครื่องไม่ได้ถูกนำไปใช้เผาไหม้เหมือนกับน้ำมันเชื้อเพลิง แต่จะถูกนำไปใช้หล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ภายในห้องเผาไหม้ หากว่าน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ หรือน้ำมันขาด ก็จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงจนถึงขั้นเครื่องยนต์พังเลยทีเดียว

น้ำมันเครื่องทั้งเบนซินและดีเซลมีประโยชน์ 5 ประการ


1.ช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ภายในห้องเครื่องยนต์
2.ช่วยระบายความร้อนภายในห้องเครื่องยนต์
3.ป้องกันการเกิดสนิม การกัดกร่อน และลดคราบเขม่า
4.ลดแรงเสียดทานและการสึกหรอจากการเผาไหม้
5.ช่วยรักษากำลังอัดของเครื่องยนต์

การตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่อง

การวัดระดับน้ำมันเครื่องสามารถทำได้เองเป็นประจำเมื่อต้องการ โดยจำเป็นต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ชั่วครู่ (ยกเว้นการเช็กระดับน้ำมันเครื่องหลังจากใช้งาน) จากนั้นรอประมาณ 1-2 นาที ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาทำความสะอาดด้วยผ้าแห้ง หรือกระดาษทิชชู่อย่างหนา 1 ครั้ง แล้วเสียบก้านน้ำมันเครื่องกลับไปจนสุดเหมือนเดิม

จากนั้นให้ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาตรวจสอบ หากระดับน้ำมันอยู่ระหว่างขีด MIN และ MAX แสดงว่าอยู่ในระดับปกติ หากอยู่ต่ำกว่าระดับ MIN แสดงว่าน้ำมันเครื่องพร่อง ควรรีบเติมน้ำมันเครื่องกลับเข้าไปจนพอดี หรือหากน้ำมันเครื่องเกินระดับ MAX จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ลดลง ควรถ่ายน้ำมันออกหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอีกครั้ง

น้ำมันเครื่อง

นอกเหนือจากการตรวจสอบน้ำมันเครื่องดังกล่าวแล้ว ยังมีอีก 4 ข้อที่ต้องหมั่นสังเกต เพื่อให้ทราบว่าถึงเวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้แล้ว ดังนี้

1. เมื่อครบตามระยะทาง หรือระยะเวลาที่กำหนด

ระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมันเครื่องที่ใช้ โดยน้ำมันเครื่องแต่ละประเภทมีระยะการเปลี่ยนถ่าย ดังนี้

น้ำมันเครื่องธรรมดา – ทุก 5,000 – 7,000 กม.
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ – ทุก 7,500 – 8,000 กม.
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ – ทุก 10,000 – 15,000 กม.

หากใช้งานรถน้อย ไม่ค่อยนำรถออกมาใช้ ให้อ้างอิงตามรอบระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ เพราะการที่จอดรถทิ้งไว้นานๆ น้ำมันเครื่องก็จะค่อยๆ เสื่อมคุณภาพลง ซึ่งโดยปกติแล้วรถญี่ปุ่นจำเป็นต้องเปลี่ยนทุก 6 เดือน และรถยุโรปจำเป็นต้องเปลี่ยนทุก 1 ปี

น้ำมันเครื่อง

2. เสียงเครื่องยนต์ดังผิดปกติ

หากว่าน้ำมันเครื่องขาด หรือเสื่อมสภาพจนความหนืดไม่เป็นไปตามสเปกของเครื่องยนต์ อาจส่งผลให้เกิดเสียงดังผิดปกติขณะใช้งานได้ ซึ่งโดยมากแล้วจะมีลักษณะดังเขกเป็นจังหวะ และจะถี่ขึ้นตามรอบเครื่องยนต์ หากประสบกรณีเช่นนี้ควรรีบเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทันทีเพื่อป้องกันเครื่องยนต์พัง

3. รถกินน้ำมันมากผิดปกติ

การปล่อยให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพจะส่งผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้น เนื่องจากประสิทธิภาพการหล่อลื่นที่ลดลง ทำให้ชิ้นส่วนภายในห้องเผาไหม้เกิดการเสียดสีมากกว่าปกติ

4. น้ำมันเครื่องมีสีดำสนิท หรือมีสีผิดปกติ

โดยปกติแล้วน้ำมันเครื่องจะมีสีเหลืองอำพัน แต่เมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะ สีจะค่อยๆ เข้มขึ้น ซึ่งเกิดจากเขม่าและสิ่งสกปรกจากการเผาไหม้ แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าน้ำมันเครื่องมีสีดำสนิท (ยกเว้นเครื่องยนต์ดีเซลที่น้ำมันเครื่องอาจมีสีดำเป็นปกติ) แสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้แล้ว

แต่หากน้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นสีอื่น เช่น มีสีคล้ายชานม หรือมีความข้นเหนียวมากกว่าปกติ แสดงว่าอาจเกิดจากฝาสูบโก่งเนื่องจากโอเวอร์ฮีต หรือเกิดการรั่วซึมจนทำให้ของเหลวอื่นๆ มีการเจือปนลงในอ่างน้ำมันเครื่อง กรณีเช่นนี้ควรนำรถเข้าอู่เพื่อให้ช่างหาสาเหตุและแก้ไขก่อนจะสายเกินไป

การนำรถเข้ารับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนอกจากจะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์เสมอ ยังเป็นการตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ลดโอกาสเกิดปัญหาในอนาคตได้อีกทางหนึ่งด้วย

Push Start
วิธีกดปุ่ม Push Start ให้เครื่องยนต์ติดเมื่อกุญแจรถแบตหมด

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

รถยนต์ยุคใหม่ที่ใช้ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start ถ้าหากวันหนึ่งแบตเตอรี่รีโมทเกิดหมดขึ้นมา ก็ยังมีระบบสำรองที่ช่วยให้คุณสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ตามปกติด้วยนะ

โดยปกติแล้วเมื่อแบตเตอรี่กุญแจรีโมทเริ่มอ่อน ระบบจะแสดงข้อความเตือนบนหน้าจอในรถเพื่อให้คุณรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยเร็ว แต่หากละเลยปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแล้วล่ะก็ จะทำให้คุณไม่สามารถล็อก-ปลดล็อกประตู รวมถึงสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ตามปกติ เนื่องจากตัวรถจะไม่สามารถสื่อสารกับกุญแจได้นั่นเอง แต่หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะยังมีระบบสำรองที่ช่วยให้คุณสามารถปลดล็อกและสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ โดยมีวิธีปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้

 1. ใช้กุญแจที่ซ่อนอยู่ในตัวรีโมทเพื่อปลดล็อกรถ โดยวิธีการถอดกุญแจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ จากนั้นใช้กุญแจไขบริเวณมือเปิดประตูเพื่อปลดล็อก ซึ่งระหว่างนี้อาจทำให้สัญญาณกันขโมยดังขึ้นได้

2. ให้นำรีโมทไปแตะบริเวณปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วจึงกดสตาร์ทเครื่องยนต์ตามปกติ เครื่องยนต์จะติดขึ้น และสัญญาณกันขโมยจะดับไปเอง (ตำแหน่งสำหรับแตะกุญแจของรถบางรุ่นอาจแตกต่างกันออกไป โปรดศึกษาจากคู่มืออีกครั้ง)

Push Start

ทางที่ดีเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายแล้ว ควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่รีโมทโดยเร็ว เพื่อป้องกันอาการ “รีโมทลืมรถ” ซึ่งจะทำให้รีโมทไม่สามารถใช้งานกับรถคันเดิมได้อีก ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้กับรีโมทส่วนมากมักเป็นถ่านกระดุมที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป และเปลี่ยนด้วยตัวเองได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องเลือกขนาดให้ตรงกับของเดิมเท่านั้น

เพียงเท่านี้รีโมทก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติด้วยค่าใช้จ่ายไม่กี่สิบบาท ประหยัดเงินกว่าการเข้าศูนย์ที่อาจต้องเสียค่าเปลี่ยนเป็นหลักร้อยหรือหลักพันบาทก็มี

 

เครื่องดีเซล
ทำไมรถกระบะถึงต้องเป็นเครื่องดีเซล?

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

 เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมรถกระบะแทบทุกคันในบ้านเราล้วนแต่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขณะที่รถเก๋งกลับนิยมเครื่องยนต์เบนซินมากกว่า

เหตุผลที่รถกระบะต้องใช้เครื่องยนต์ดีเซล

สาเหตุที่รถกระบะเหมาะสมกับเครื่องยนต์ดีเซลมากกว่า จำแนกออกเป็น 4 เหตุผลได้ดังนี้

1. แรงบิดสูงกว่า – เครื่องยนต์ดีเซลให้แรงบิดสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซินอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในรอบเครื่องยนต์ต่ำ จึงสามารถบรรทุกของหนักได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราเร่งมากเหมือนกับเครื่องยนต์เบนซิน พูดง่ายๆ คือ เครื่องยนต์ดีเซลให้พละกำลังดีกว่าแม้ว่าจะบรรทุกของหนักก็ตาม


2. ประหยัดน้ำมันมากกว่า – ธรรมชาติของเครื่องยนต์ดีเซลจะมีอัตราสิ้นเปลืองต่ำกว่าเครื่องยนต์เบนซินภายใต้เงื่อนไขแบบเดียวกัน (เช่น ขนาดตัวถัง, น้ำหนักตัวรถ, ขนาดล้อ ฯลฯ) รถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลจึงช่วยเซฟค่าน้ำมันได้มากกว่าเมื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร

นอกจากนี้ น้ำมันดีเซลยังมีราคาถูกกว่าเบนซินอย่างเห็นได้ชัด โดยราคา ณ ปัจจุบัน (วันที่ 20 ก.ย. 66) น้ำมัน Gasohol 95 มีราคาลิตรละ 40.45 บาท ขณะที่น้ำมันดีเซล B7 มีราคาจำหน่ายเพียงลิตรละ 29.94 บาท ทั้งยังเป็นน้ำมันชนิดหลักที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมขนส่ง ส่งผลให้รัฐบาลมักเลือกที่จะอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลมากกว่าเบนซิน เพื่อป้องกันการปรับขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนนั่นเอง

เครื่องดีเซล

3. ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า – หากมองในระยะยาวเครื่องยนต์ดีเซลจะมีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลถูกออกแบบให้มีความแข็งแรงทนทานรองรับแรงอัดได้สูง มีจุดซ่อมจุดเสียน้อยกว่า การบำรุงรักษาจึงทำได้ง่ายกว่า และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเครื่องยนต์เบนซินในระยะยาว

 

4. พละกำลังเหมาะกับตัวถังมากกว่า – รถกระบะถูกออกแบบให้มีขนาดตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่ เพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ส่งผลให้ตัวรถมีน้ำหนักมากขึ้นตามไปด้วย หากใช้เครื่องยนต์เบนซินที่มีแรงบิดน้อย จะทำให้รถอืดและกินน้ำมันมาก รถกระบะที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินส่วนใหญ่จึงนิยมติดตั้งก๊าซ LPG เพื่อชดเชยกับอัตราสิ้นเปลือง ซึ่งระยะยาวอาจส่งผลให้เครื่องยนต์โทรมมากกว่าปกติ โดยเฉพาะรถที่ใช้งานหนัก วิ่งต่อเนื่องข้ามจังหวัดเป็นระยะทางไกล จึงไม่น่าแปลกใจที่รถกระบะส่วนใหญ่จึงเลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซลแทน

อย่างไรก็ดี เครื่องยนต์ดีเซลก็มีข้อเสียบางอย่างที่ทำให้ผู้ใช้รถเก๋งไม่นิยมเลือกเครื่องยนต์ดีเซล เช่น เสียงเครื่องยนต์ดังกว่า, ราคาค่าตัวสูงกว่า รวมถึงการปล่อยมลพิษที่มากกว่าเช่นกัน

ไฟตัดหมอกหลัง
สาเหตุว่าทำไม “ไฟตัดหมอกหลัง” ถึงมีแค่ข้างเดียว?

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

 ปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เริ่มติดตั้งระบบไฟตัดหมอกหลังมาให้มากขึ้น (แม้ว่ารถยุโรปจะถูกติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานมานานแล้ว) แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่าเหตุใดไฟตัดหมอกหลังถึงสว่างแค่ข้างเดียว? จะเป็นการลดต้นทุนของบริษัทรถ หรือเป็นความผิดปกติของตัวรถกันแน่?

“ไฟตัดหมอกหลัง”

เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่มีประโยชน์อย่างมากในขณะขับขี่ท่ามกลางฝนตกหนัก หรือขณะที่หมอกลงจัด โดยจะส่องสว่างจ้าเป็นไฟสีแดงคล้ายกับไฟเบรกพุ่งตรงไปทางด้านหลัง และมีความเข้มของแสงสูงกว่าไฟเบรกเล็กน้อย เพื่อให้ผู้ใช้รถที่ขับตามมาด้านหลังสามารถมองเห็นได้อย่างสะดวกมากขึ้นในขณะที่ทัศนวิสัยย่ำแย่

อย่างไรก็ดี ไฟตัดหมอกจะถูกติดตั้งไว้ที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งของตัวรถเท่านั้น ไม่นิยมติดตั้งไว้ทั้งสองฝั่ง เพราะจะทำให้ผู้ใช้รถด้านหลังเกิดความสับสนระหว่างไฟตัดหมอกและไฟเบรกได้ โดยตามกฎหมายของหลายประเทศทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ยังกำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์ออกแบบไฟตัดหมอกหลังให้อยู่ห่างจากตำแหน่งของไฟเบรกเพื่อความสะดวกในการแยกแยะด้วยสายตา นั่นจึงเป็นสาเหตุให้รถยนต์ส่วนใหญ่มีไฟตัดหมอกหลังเพียงข้างเดียวนั่นเอง

ไฟตัดหมอกหลัง

อย่างไรก็ดี ไฟตัดหมอกหลังถือเป็นไฟที่มีความเข้มข้นของแสงสูงกว่าปกติ จึงไม่ควรเปิดใช้งานในขณะที่สภาพอากาศปลอดโปร่งโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แยงสายตาผู้ร่วมทางด้านหลังได้ หรือแม้แต่ขณะฝนตกเพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรเปิดใช้งาน เนื่องจากการเปิดไฟหน้า-ไฟท้ายก็เพียงพอแล้ว

นอกจากนี้ การเปิดไฟตัดหมอกพร่ำเพรื่อยังถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุว่า การใช้ไฟตัดหมอกสามารถใช้ได้ต่อเมื่อรถวิ่งในสภาวะที่มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรคอันเกิดอันตรายในการขับรถ หากมีการใช้ไม่เป็นไปตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนด จะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ดังนั้นเจ้าของรถจะต้องพึงระลึกเสมอว่าไฟตัดหมอกจะเปิดใช้งานได้ต่อเมื่อทัศนวิสัยเลวร้ายเท่านั้น มิเช่นนั้นจะถือว่าผิดกฎหมายครับ

เล่มทะเบียน
เพิ่งจะรู้! เหตุผลที่ห้ามเก็บ “เล่มทะเบียน” ไว้ในรถเด็ดขาด

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

 คุณเป็นคนหนึ่งที่เก็บ “เล่มทะเบียน” เอาไว้ในลิ้นชักหน้ารถหรือไม่? บทความนี้จะมาบอกว่าทำไมคุณจึงไม่ควรเก็บคู่มือจดทะเบียนเอาไว้ในรถอย่างเด็ดขาด จะหาว่าไม่เตือน!

"เล่มทะเบียน" ห้ามเก็บไว้ในรถเด็ดขาด

เล่มทะเบียน หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ใบคู่มือจดทะเบียน” เป็นเอกสารสำคัญประจำรถที่ออกให้โดยกรมการขนส่งทางบก ซึ่งจะแสดงรายละเอียดของตัวรถ และผู้ถือกรรมสิทธิ์ของรถแต่ละคัน ซึ่งถือเป็นเอกสารที่มีความสำคัญมาก เพราะจำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับตัวรถกับกรมการขนส่งทางบก รวมถึงอาจต้องใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของรถ เช่น รถหาย, รถถูกสวมทะเบียน ฯลฯ

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าของรถจึงไม่ควรเก็บเล่มทะเบียนทิ้งไว้ในรถโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญที่เสี่ยงต่อการสูญหายได้ ยกตัวอย่างกรณีรถถูกขโมยยามวิกาล เจ้าของรถก็จะไม่มีเอกสารเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำเป็นต้องไปขอคัดสำเนากับขนส่งฯ เสียก่อนจึงจะสามารถดำเนินการต่อได้ สร้างความปวดหัวแก่เจ้าของรถทั้งที่อยู่ในช่วงเวลายากลำบาก

นอกจากนี้ หากเล่มทะเบียนตกไปอยู่ในมือผู้ไม่หวังดี ก็อาจถูกนำไปใช้ดำเนินการใดๆ โดยที่เจ้าของรถไม่รับรู้ได้ เช่น ถูกนำไปสวมทะเบียน, จำนำเล่มทะเบียน และอื่นๆ อีกมากมาย กว่าที่เจ้าของรถตัวจริงจะทราบก็อาจสายเกินไปเสียแล้ว

>> เล่มทะเบียนรถหายทำไงดี ต้องแจ้งความหรือไม่ ทำเล่มใหม่ ต้องทำอย่างไร

เก็บเฉพาะสำเนาเล่มทะเบียนไว้ในรถเสมอ
เจ้าของรถควรถ่ายสำเนาแสดงรายละเอียดรถและผู้ครอบครองล่าสุดเก็บไว้ในรถเสมอ เพื่อใช้เป็นหลักฐานกรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบ ส่วนเล่มจริงให้เก็บไว้ที่บ้านหรือสถานที่ปลอดภัยเท่านั้น เพื่อป้องกันการสูญหายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ใครที่ยังเก็บเล่มทะเบียนไว้ในรถ ควรรีบนำไปเก็บไว้ในบ้านอย่างปลอดภัยทันทีครับ