Search for:
หัดขับ
4 เรื่องควรรู้ ของมือใหม่ หัดขับ

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

ทุกวันนี้รถยนต์ที่เยอะขึ้นก็ทำให้การจราจรบนถนนวุ่นวายมากขึ้น ด้วยส่วนหนึ่งคือการมีมือใหม่ที่เยอะมากขึ้นบนถนน ทำให้ คนที่ใช้รถใช้ถนนในปัจจุบัน ล้วนแต่เต็มไปด้วยคนที่ไม่ค่อยรู้ หรือขับเป็นแต่ไม่เข้าใจ เพราะจะว่าไปโรงเรียนสอนขับรถที่เกลื่อนเมือง ก็เอาแค่ได้ใบขับขี่แล้วจบกัน ทั้งที่ความจริงการขับรถต้องมีอะไรมากกว่าแค่บัตร 1 ใบที่บอกว่าอนุญาตให้ขับรถได้

เรื่องที่รู้อยู่แล้ว อย่างกฎจราจรต่างๆ คงไม่จำเป็นที่จำต้องเล่าเป่าความกันให้มากมาย แต่วันนี้ถ้าคุณเพิ่งขับรถลองดูสิว่า เรื่องเหล่านี้จะช่วยให้คุณขับรถปลอดภัยขึ้นหรือไม่ในการขับขี่ปัจจุบัน

หัดขับ

1.ไฟเลี้ยว อาจจะไม่มีใครบอกว่าไฟเลี้ยวสำคัญมากแค่ไหน แต่ความจริงแล้วไฟเลี้ยวถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากและมันช่วยอำนวยความปลอดภัยในการบอกทิศทางที่จะไป เช่นเดียวกับที่มันทำให้การจราจรคล่องตัวมากขึ้นด้วย ตามหลักแล้วควรเปิดไฟเลี้ยวก่อนทุกๆ 100 เมตร เช่นเดี่ยวกับตอนที่จะเปลี่ยนเลย

หัดขับ

 2.ไฟฉุกเฉิน ที่มาของไฟฉุกเฉินคือการที่เราส่งสัญญาณแสดงไฟเลี้ยวทั้งสองข้างพร้อมกันและคำว่าฉุกเฉินก็ย่อมหมายถึงว่ามีเรื่องที่ทำให้รถไม่สามารถขับเคลื่อนต่อได้ หรือเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น หลายคนอาจจะเคยถูกสั่งสอนมาว่าให้เปิดไฟฉุกเฉินยามฝนตกด้วย หรือกระทั่งยามข้ามแยกไม่มีสัญญาณไฟ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นแนวคิดที่ผิด เนื่องจากจะทำให้ผู้ขับขี่เกิดความสับสนและอาจจะนำไปสู่อุบัติเหตุได้ในที่สุด

หัดขับ

3.เบรก..ใช้เมื่อหยุดเท่านั้น ทุกวันนี้พฤติกรรมแปลกๆบนถนนมีมากมาย และเรื่องหนึ่งที่ดูจะไม่พูดถึงไม่ได้คือการใช้เบรกอย่างไม่ถูกต้อง อาจจะเป็นเร่องที่ยากที่จะบรรยายเกี่ยวกับการใช้เบรก แต่โดยปกติแล้วเบรกจะถูกใช้ 2 กรณี คือชะลอความเร็วและหยุดรถ แต่ด้วยความเข้าใจในเรื่องการชะลอความเร็วนี่เอง ทำให้มือใหม่หลายคนขับรถ โดยแตะเบรกแทบตลอดเวลาทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้ขับขี่คนอื่น เนื่องจากเวลาเบรกไฟเบรกทางด้านหลังก็จะติดด้วย เช่นเดียวกับการการทำให้เกิดการสึกหรอมากกว่าที่ควรจะเป็นเพียงเพราต้องการรักษาความเร็ว

ทางแก้ของปัญหานี้คือต้องหัดในการควบคุมคันเร่ง ซึ่งโรงเรียนสอนขับรถส่วนใหญ่ไม่ได้สอนเรื่องนี้มาด้วย แต่หากวันนี้ใครเป็นคนที่ขับรถแล้วติดต้องใช้เบรก ลองเริ่มต้นด้วยการผ่อนคันเร่งก่อน แล้วกลับค่อยๆ เหยียบไปให้น้ำหนักตามความเร็วที่ต้องการดู น่าจะดีกว่า แม้อาจจะไม่ชินในช่วงแรกแต่ท้ายที่สุดเมื่อเข้าใจในการทำงานก็จะรู้ว่าเบรกไม่ใช่ทุกสิ่งที่สามารถชะลอความเร็วได้

หัดขับ

 4.แตรใช้ได้.. เราส่วนใหญ่ไม่ค่อยบีบแตร กันก็ไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุอันใด แต่ความจริงของการใช้รถในภาคสากล แตรคือสัญญาณเตือน ไม่ใช่การยกไฟสูงใส่ ซึ่งด้วยนิสัยคนไทยขี้เกรงใจ จึงมักถูกสอนว่า ไม่ให้ใช้แตร ทั้งที่จริงมีเพียงไม่กี่ที่ ที่ห้ามใช้ได้แก่ สถานศึกษา วัด และโรงพยาบาล ส่วนที่อื่นไม่ได้ห้ามอย่างชัดเจน ดังนั้นหากพบปัญหาที่อาจจะนำมาซึ่งอุบัติเหตุสิ่งที่ควรทำคือการบีบแตร เพื่อเตือนเพื่อนร่วมทาง

 ทั้งหมดที่กล่าวมานี้อาจจะเรียกว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการขับขี่อย่างปลอดภัยบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แม้ถนนกับมือใหม่หัดขับอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่คือกันแต่ด้วยประสบการณ์ในการขับขี่มันก็จะสอนให้รู้ว่าการขับรถที่ถูกต้องอาจจะไม่ใช่เหมือนที่โรงเรียนสอนขับรถแนะนำเสมอไป..

ป้ายจราจรหน้าตาแบบนี้มีความหมายว่าอย่างไร?

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

 ผู้ใช้รถใช้ถนนหลายคนคงเคยพบเห็นป้ายจราจรหน้าตาแปลกๆ ซึ่งมีลักษณะเป็นป้ายวงกลมพื้นขาว พร้อมเส้นทะแยงสีดำจำนวน 5 ขีดเรียงกัน รู้หรือไม่ว่าป้ายจราจรดังกล่าวนี้มีความหมายว่าอย่างไร?

 ป้ายจราจรดังกล่าว คือ “ป้ายสุดเขตบังคับ” หรือ “End of restriction” ซึ่งเป็นป้ายจราจรประเภทป้ายบังคับ หมายถึง พ้นสุดระยะที่บังคับตามความหมายของป้ายจราจรที่ติดไว้ก่อนหน้า เช่น กรณีเจอป้ายจำกัดความเร็ว 50 กม./ชม. เมื่อผ่านไประยะหนึ่งพบว่าเจอป้ายสุดเขตบังคับ นั่นแปลว่าพ้นระยะบังคับการจำกัดความเร็ว 50 กม./ชม. สามารถขับรถได้ด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนดต่อไป

ป้ายจราจร

ป้ายหน้าตาแบบนี้ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์บนถนน “ออโต้บาห์น” หรือถนนมอเตอร์เวย์ของประเทศเยอรมนี เพราะถ้าผู้ขับขี่พบเห็นป้ายลักษณะนี้เมื่อใด นั่นแปลว่าเส้นทางข้างหน้าจะไม่มีการจำกัดความเร็วอีกต่อไป จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ชาวเยอรมันและผู้ที่หลงใหลในความเร็วต่างก็ชื่นชอบ

รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างถูกต้องด้วยนะครับ

กระบะท้าย
นั่งโดยสารกระบะท้าย ผิดกฎหมายหรือไม่?

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

การนั่งโดยสารบนกระบะท้าย มีความผิดตามกฎหมายหรือไม่? และหากมีความจำเป็นต้องนั่งโดยสารกระบะท้ายจริงๆ จะต้องปฏิบัติอย่างไรเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารทุกคน

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะข่าวการบังคับใช้มาตรการห้ามนั่งแค็บ-ท้ายกระบะออกมา แต่ภายหลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชน จึงได้มีการอนุโลมให้สามารถนั่งในแค็บและท้ายกระบะได้สูงสุดไม่เกิน 6 คน โดยเพจ “ขับขี่ปลอดภัย ” ได้ให้คำแนะนำในการโดยสารท้ายกระบะอย่างเหมาะสมและปลอดภัย ดังนี้

  • ต้องปิดฝากระบะตลอดการเดินทาง
  • ห้ามนั่งริมขอบกระบะ
  • ห้ามนั่งโดยสารซ้อนผู้อื่น หรือนั่งบนสิ่งของที่บรรทุกบนท้ายกระบะ
  • ห้ามยืนโดยสารเด็ดขาดไม่ว่าจะอยู่บนตำแหน่งใดของกระบะท้ายก็ตาม
  • ไม่ยื่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายออกนอกตัวรถ
กระบะท้าย

 ทั้งนี้ ตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การยกเว้นให้คนโดยสารไม่ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยในรถบางประเภท พ.ศ. 2566 กำหนดให้มีผู้โดยสารในตอนท้ายกระบะได้สูงสุดไม่เกิน 6 คน และนั่งโดยสารในแค็บได้สูงสุดไม่เกิน 3 คน โดยไม่จำเป็นต้องรัดเข็มขัดนิรภัย และให้ใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 60 กม./ชม.

 เพจดังกล่าวยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สถิติ 1 ใน 4 ของการเกิดอุบัติเหตุ จะมีผู้โดยสารนั่งท้ายกระบะกระเด็นหลุดออกจากตัวรถ อีกทั้งผู้โดยสารกระบะท้ายยังมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าผู้โดยสารตอนหน้าที่คาดเข็มขัดนิรภัยถึง 8 เท่า จึงควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษหากมีความจำเป็นต้องโดยสารกระบะท้าย รวมถึงผู้ขับขี่จะต้องใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนดเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุด้วยเช่นกัน

ใบขับขี่
เปิดรายชื่อ 9 ประเทศใช้ใบขับขี่ไทยได้เลย ไม่ต้องทำใบขับขี่สากล

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

ทราบหรือไม่ว่าใบขับขี่ไทยแบบ Smart Card สามารถนำไปใช้ยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนได้ถึง 9 ประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องทำใบขับขี่สากล เนื่องจากเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศอาเซียนในการขับขี่รถยนต์ข้ามแดนได้ มีประเทศใดบ้างไปดูกันเลย

9 ประเทศอาเซียนที่สามารถใช้ใบขับขี่ไทยได้

1.ลาว
2.เวียดนาม
3.กัมพูชา
4.เมียนมาร์
5.มาเลเซีย
6.อินโดนีเซีย
7.บรูไน
8.ฟิลิปปินส์
9.สิงคโปร์

ทั้งนี้ ใบขับขี่ไทยที่สามารถนำไปใช้ในประเทศที่กล่าวมาข้างต้น จะต้องเป็นแบบสมาร์ทการ์ดที่ระบุข้อมูลเจ้าของบัตรเป็นภาษาอังกฤษด้วยเท่านั้น หากเป็นใบขับขี่แบบเก่า จะต้องดำเนินการขอรับใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ดเสียก่อน จึงจะสามารถนำไปใช้ในประเทศข้างต้นได้

 อีกทั้งเจ้าของรถที่จดทะเบียนในประเทศไทย สามารถนำรถไปใช้ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ โดยจะต้องดำเนินการทางทะเบียนที่สำนักงานขนส่งที่รถคันนั้นจดทะเบียน เพื่อขอรับแผ่นป้ายทะเบียนภาษาอังกฤษสำหรับเข้ากลุ่มประเทศสมาชิก โดยเงื่อนไขการนำรถไปใช้ของแต่ละประเทศอาจแตกต่างกันไป

ใบขับขี่ปลอม
ขนส่งฯ เผยรายชื่อเพจทำใบขับขี่ปลอมกว่า 100 เพจ เตือน ปชช.อย่าหลงเชื่อ

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

กรมการขนส่งทางบกเผยรายชื่อเพจมิจฉาชีพทำใบขับขี่ปลอมกว่า 100 เพจ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อและโอนเงินโดยเด็ดขาด พร้อมย้ำว่าหากใช้ใบขับขี่ปลอมจะมีความผิดอาญาฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน – 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท

กรมการขนส่งทางบกเตือนประชาชนที่ต้องการทำธุรกรรมด้านใบขับขี่กับกรมการขนส่งทางบก หลังพบว่ามีเพจเฟซบุ๊กอ้างรับทำและรับอบรมต่อใบขับขี่ปลอมเป็นจำนวนมาก โดยพฤติกรรมของเพจเหล่านี้จะสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำรูปตราสัญลักษณ์ของกรมการขนส่งทางบกมาใช้เป็นรูปโปรไฟล์ หรือนำภาพของผู้ที่ได้รับใบขับขี่มาแอบอ้าง พร้อมทั้งโฆษณาว่าสามารถออกใบขับขี่ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสำนักงานขนส่ง โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 – 6,000 บาท

หากผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว จะเรียกร้องให้โอนเงินเพิ่มอีกและเงียบหาย ไม่สามารถตามคืนได้ หรือจะได้รับใบขับขี่ปลอม รวมถึงยังมีกรณีแอบอ้างในการอบรมต่ออายุใบขับขี่แทน โดยกลุ่มมิจฉาชีพอ้างว่าจะอบรมต่ออายุใบขับขี่แทนผู้เสียหายและจองคิวให้ผู้เสียหายเข้ามาถ่ายรูปทำใบขับขี่ ณ สำนักงานขนส่ง พร้อมหลอกให้ผู้เสียหายส่งหน้าบัตรใบขับขี่และโอนเงินไปให้ หรือโฆษณาหลอกลวงว่า “ใบขับขี่หมดอายุ ไม่มีเวลาอบรม รับจองคิวพร้อมอบรมต่ออายุใบขับขี่ทุกชนิด เจ้าตัวต้องเข้าไปถ่ายรูปทำบัตรด้วยตนเองที่สำนักงานขนส่ง”

 ทั้งนี้ ผู้หลงเชื่อและใช้ใบขับขี่ปลอม จะมีความผิดฐานปลอมแปลงหรือใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษถึงขั้นจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ไปจนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ไปจนถึง 100,000 บาท และบุคคลที่แอบอ้างว่าสามารถอบรมต่ออายุใบขับขี่แทนได้ อาจมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานปลอมแปลงหรือใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น

นอกจากนี้ บุคคลที่จัดทำเพจเฟซบุ๊กปลอมรับทำและรับอบรมต่อใบขับขี่ปลอม ซึ่งถือเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อเพจรับทำใบขับขี่ปลอมได้ที่ https://bit.ly/3YvPwdb รวมถึงสามารถแจ้งเบาะแสมายังกรมการขนส่งทางบกได้โดยตรง หรือโทรสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง

ใบขับขี่ปลอม
กั๊กที่จอดรถ ระวังจะเสียค่าปรับ!

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

ทราบหรือไม่ว่าการกั๊กที่จอดรถด้วยการนำกรวยหรือสิ่งของมาวางบนทางเดินรถ เข้าข่ายผิดกฎหมายมีโทษปรับสูงสุดถึง 10,000 บาท ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่หน้าบ้านของตนเองก็ตาม อีกทั้งผู้แจ้งยังมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งค่าปรับ 50% อีกด้วย

 การวางวัตถุสิ่งของบนทางเดินรถเพื่อกันพื้นที่จอดรถไว้สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานจราจร อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 19, 48 วรรค 3 และ 57 ผู้ใดฝ่าฝืนกระทำผิดจะต้องถูกระวางโทษปรับเป็นเงินสูงสุดถึง 10,000 บาท

 อีกทั้งผู้ที่พบเห็นการกระทำผิดสามารถแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแบ่งค่าปรับที่ได้จากการเปรียบเทียบให้แก่ผู้แจ้งความนำจับตามกฎหมายว่าด้วยการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2560 โดยจะได้รับส่วนแบ่ง 50% ของค่าปรับ หรือสูงสุด 5,000 บาท

กั๊กที่จอดรถ

นอกเหนือจากความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองข้างต้นแล้วนั้น การจอดรถที่ส่งผลให้รถคันอื่นไม่สามารถสัญจรเข้า-ออกได้อย่างสะดวก อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 57 วรรค 15 ที่ระบุว่าห้ามมิให้ผู้ขับขี่จอดรถในลักษณะกีดขวางจราจร ต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 500 บาทเช่นกัน

 ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่กิจการร้านค้าหรือบ้านเรือนพักอาศัยทั่วไป ก็ควรจัดหาที่จอดรถอย่างเหมาะสมและปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายตามมาครับ

จอดรถซ้อนคัน
จอดรถซ้อนคันแบบไหน ไม่ให้เดือดร้อนคนอื่น?

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

การจอดรถซ้อนคันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ภายใต้เงื่อนไขและกฎเกณฑ์ของสถานที่ที่นำรถไปจอด แต่สิ่งสำคัญคือ รถที่อยู่ในช่องจอดจะต้องสามารถขับออกไปได้อย่างปลอดภัย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น จึงขอแนะนำการจอดรถซ้อนคันที่ถูกต้องมาฝากกัน

การจอดรถซ้อนคันมีหลักปฏิบัติ 3 ข้อดังต่อไปนี้

1. รถและพวงมาลัยต้องตรงเสมอ – รถที่จอดซ้อนคันจำเป็นต้องจอดให้ขนานกับทางเดินรถ และตั้งพวงมาลัยตรงเสมอก่อนดับเครื่องยนต์ รถจะได้ไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่งเมื่อถูกเข็น ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเฉี่ยวชนหรือกีดขวางการจราจรได้

จอดรถซ้อนคัน

2. ปลดเกียร์ว่างทุกครั้ง – รถที่จอดซ้อนคันต้องปลดเกียร์ว่างเสมอ โดยรถส่วนใหญ่จะมีปุ่ม Shift Lock ที่สามารถลากเกียร์จากตำแหน่ง P มายังตำแหน่ง N ภายหลังจากดับเครื่องยนต์แล้ว จะช่วยให้รถสามารถเข็นได้อย่างสะดวก แต่หากรถไม่สามารถปลดล็อกเกียร์ได้ ควรหลีกเลี่ยงการจอดซ้อนคันเด็ดขาด

3. ไม่ดึงเบรกมือเด็ดขาด – ก่อนลงรถทุกครั้งต้องแน่ใจว่าไม่มีการดึงเบรกมือขึ้น หากกังวลว่ารถจะไหลให้ใช้วัตถุหนุนล้อแทนการดึงเบรกมือ เช่น ก้อนหิน, ท่อนไม้ ฯลฯ ซึ่งคนทั่วไปสามารถขยับออกได้อย่างสะดวก หากรถถูกติดตั้งระบบเบรกมือไฟฟ้าและมีฟังก์ชันใส่เบรกมืออัตโนมัติ ต้องทำการปลดเบรกมือก่อนลงจากรถ

 ข้อแนะนำเหล่านี้ถือเป็นข้อปฏิบัติพื้นฐานของการจอดรถซ้อนคันอย่างปลอดภัยและไม่เดือดร้อนผู้อื่น หากว่ามีความจำเป็นต้องจอดรถซ้อนคันและไม่สามารถทำตามข้อแนะนำข้างต้นได้จริงๆ อย่างน้อยก็ควรจดเบอร์โทรลงบนกระดาษวางไว้ในจุดที่มองเห็นง่าย และรีบกลับมาขยับรถออกทันทีเมื่อถูกร้องขอ ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้อื่นได้ครับ

เปลี่ยนยางรถยนต์
เปลี่ยนยางรถยนต์ต้องเปลี่ยนทั้ง 4 ล้อหรือไม่?

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์ทีไร หลายคนถึงกับต้องกุมขมับ เพราะค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนยางแต่ละทีต้องมีหลักหมื่นขึ้นไป ยิ่งถ้าเป็นรถรุ่นใหญ่หรือเอสยูวี ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนยางแต่ละครั้งก็จะแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว หลายคนจึงมีความสงสัยว่าถ้าหากจะเปลี่ยนยางเพียงครั้งละ 2 เส้น สามารถทำได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนทั้ง 4 เส้นพร้อมกัน?

เปลี่ยนยางรถยนต์

เปลี่ยนพร้อมกันทั้ง 4 เส้นดีที่สุด แต่จะเปลี่ยนเพียง 2 เส้นก็ได้เช่นกัน

การเปลี่ยนยางพร้อมกันทั้ง 4 เส้น จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากที่สุด เนื่องจากยางแต่ละเส้นจะมีอายุการใช้งานเท่ากัน มีอัตราการสึกหรอใกล้เคียงกัน ช่วยเพิ่มความสมดุลในการยึดเกาะถนนได้ดี ทำให้การขับรถในขณะฝนตกเป็นไปอย่างปลอดภัยตามมาตรฐานของยางแต่ละรุ่น อีกทั้งการเปลี่ยนยางพร้อมกันทุกเส้นจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการสลับยางทุก 10,000 กิโลเมตรตามที่ผู้ผลิตยางกำหนดไว้

แต่หากมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนยางเพียง 2 เส้น ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการนำยางเส้นใหม่มาแทนยางเส้นเดิมที่มีการเสื่อมสภาพมากที่สุดของรถแต่ละคัน แต่ต้องคำนึงถึงการใช้งานด้วยว่าประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนแห้งและถนนเปียกจะด้อยกว่าการเปลี่ยนยางใหม่พร้อมกันทั้ง 4 เส้น

เปลี่ยนยางรถยนต์

เปลี่ยนยางใหม่ 2 เส้นต้องใส่ล้อหน้าหรือล้อหลัง?

แน่นอนว่ายางใหม่ย่อมมีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนดีกว่ายางเก่า โดยเฉพาะพื้นผิวถนนที่มีน้ำท่วมขัง ดังนั้นการนำยางใหม่ไปใส่ไว้ที่ล้อคู่หลังจะช่วยลดโอกาสการเกิดอาการท้ายปัด (Oversteer) บนพื้นเปียกได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับการใส่ยางใหม่ไว้ที่ล้อคู่หน้า แม้ว่าการติดตั้งยางในลักษณะนี้อาจขัดกับความรู้สึกของเจ้าของรถส่วนใหญ่ที่เข้าใจว่ายางเส้นใหม่ควรใส่ไว้ที่ล้อคู่หน้า เนื่องจากเป็นล้อที่มีการสึกหรอมากกว่านั่นเอง

เมื่อทราบเช่นนี้แล้วเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยางครั้งต่อไป ก็ควรตัดสินใจเปลี่ยนยางอย่างเหมาะสมด้วยนะครับ

พวงมาลัยล็อก
พวงมาลัยล็อกขณะขับรถ เกิดขึ้นได้จริงหรือ?

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

จากกรณีอุบัติเหตุรถกระบะยี่ห้อดังประสบอุบัติเหตุพุ่งชนขอบทางด่วนสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ จนทำให้เด็กวัย 6 ขวบที่นั่งโดยสารอยู่บนเบาะหลังพุ่งกระเด็นตกทางด่วนจนเสียชีวิต โดยเบื้องต้นพ่อของเด็กซึ่งเป็นผู้ขับขี่ในขณะนั้นระบุว่า จู่ๆ พวงมาลัยเกิดการล็อกเองจนทำให้รถเสียหลักจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมดังกล่าว สร้างความเสียขวัญให้กับผู้ที่ใช้รถรุ่นเดียวกันเป็นอย่างมาก แต่ความเป็นจริงแล้วพวงมาลัยจะสามารถล็อกในขณะรถกำลังเคลื่อนที่ได้หรือไม่ จะพาไปหาคำตอบกัน

ก่อนอื่นต้องบอกว่าการที่พวงมาลัยจะล็อกในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก จนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะต่อให้รถเกิดดับกลางอากาศเนื่องจากปัญหาเครื่องยนต์ ผู้ขับขี่จะยังคงสามารถประคองพวงมาลัยเพื่อเข้าชิดริมทางได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่พวงมาลัยจะหนักขึ้นกว่าปกติเนื่องจากไม่มีระบบพาวเวอร์ผ่อนแรงเข้ามาช่วยเท่านั้น

พวงมาลัยล็อก

นั่นเป็นเพราะรถยนต์ที่ใช้ระบบกุญแจแบบบิดสตาร์ทดั้งเดิม พวงมาลัยจะล็อกได้ก็ต่อเมื่อกุญแจอยู่ในตำแหน่ง LOCK หรือ OFF เท่านั้น (รถยนต์ที่ปรากฎในข่าวยังคงใช้ระบบกุญแจแบบบิดสตาร์ท) แม้ว่าเครื่องยนต์ดับกลางอากาศ กุญแจก็จะยังคงอยู่ในตำแหน่ง ON ซึ่งจะไม่ทำให้พวงมาลัยล็อกแต่อย่างใด

 แต่หากแม้ว่าปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจาก Defect ของตัวรถจริงๆ จนทำให้พวงมาลัยเกิดล็อกขณะรถกำลังเคลื่อนที่ ก็ยังมีโอกาสรอดพ้นจากอุบัติเหตุค่อนข้างสูงอยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อขับรถมาในทางตรง เพราะหากว่าพวงมาลัยเกิดการล็อกจริง พวงมาลัยก็ควรอยู่ในตำแหน่งตรงดังเดิม (หรือจะเอียงก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น) ซึ่งระหว่างนั้นผู้ขับขี่ยังสามารถเหยียบเบรกเพื่อลดความเร็วได้ตามปกติ โดยไม่น่าจะทำให้รถมีอาการเป๋จนกระแทกกับขอบทางอย่างรุนแรงอย่างที่ปรากฏในภาพข่าวแต่อย่างใด

แม้ว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมรถกระบะคันดังกล่าวถึงเสียหลักจนทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดจากความสูญเสียครั้งนี้ คือ การไม่ติดตั้งคาร์ซีทอย่างเหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้ผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตรายเมื่อประสบอุบัติเหตุ แม้ว่าเด็กที่เสียชีวิตจะอยู่ในวัยคาบลูกคาบดอกว่าจำเป็นต้องใช้คาร์ซีทตามที่กฎหมายบังคับหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ควรคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ตลอดเวลาที่นั่งโดยสารภายในรถ จะได้ไม่เกิดความสูญเสียเช่นนี้ตามมา

ไม่ว่าสาเหตุของอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นจากความประมาทของผู้ขับขี่ หรืออาการผิดปกติของตัวรถ แต่หากมีการติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็ก และคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขึ้นรถ ก็จะช่วยลดความสูญเสียได้อีกเยอะทีเดียวครับ

เกียร์ธรรมดา
5 ข้อดีของเกียร์ธรรมดา ที่คนใช้เกียร์ออโต้ได้แต่มองตาปริบๆ

โรงเรียนสอนขับรถนัมเบอร์วัน ไดร์ฟ NUMBER ONE DRIVE SCHOOL สถานที่ตั้งเลขที่ 228 หมู์ที่ 8 ตําบลหนองหญ้าลาด อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
โทรศัพท์ : 065 598 3693

คนส่วนใหญ่สมัยนี้เลือกที่จะซื้อรถเกียร์อัตโนมัติมากกว่าเกียร์ธรรมดา ไม่เว้นกระทั่งรถกระบะที่มียอดขายเกียร์อัตโนมัติเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งปัจจัยหลักคงหนีไม่พ้นความสะดวกสบาย ไม่ต้องคอยมาเหยียบคลัตช์เปลี่ยนเกียร์ให้วุ่นวาย แต่รู้ไหมว่า.. เกียร์ธรรมดาก็มีข้อดีชนิดที่หาไม่ได้ในเกียร์อัตโนมัติเช่นกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย?

1.ทนทาน

 เกียร์ธรรมดามีชิ้นส่วนน้อยกว่าและไม่ซับซ้อนเหมือนเกียร์ออโต้ ทำให้อายุการใช้งานเฉลี่ยของเกียร์ธรรมดายาวนานกว่าเกียร์ออโต้อย่างชัดเจน บางคันอาจเครื่องยนต์พังก่อนเสียด้วยซ้ำไป ขณะที่เกียร์ออโต้นั้น หากทนๆหน่อยก็อาจลากได้ถึง 3 แสนโล แต่รถบางรุ่นใช้ไม่ถึงแสกิโลเมตรกลับต้องยกเกียร์ใหม่ก็มีให้เห็นถมเถไป

2.บำรุงรักษาง่าย

เกียร์ธรรมดาจำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันไม่ต่างจากเกียร์ออโต้ แต่รอบระยะเวลาเปลี่ยนต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติเกียร์ออโต้ต้องเปลี่ยนน้ำมันทุก 40,000 กิโลเมตร แต่เกียร์ธรรมดาสามารถยืดไปได้ถึง 80,000 ถึงแสนโลโดยไม่มีปัญหาใดๆ ขณะที่ผ้าคลัตช์ก็มีรอบระยะเปลี่ยนถึง 2 แสนกิโลเมตร เรียกว่าใช้กันจนลืมกันไปข้าง

ส่วนเกียร์ธรรมดานั้น หากเฟืองชุดไหนมีปัญหา ช่างก็สามารถเปลี่ยนเฉพาะชุดนั้นได้ เช่น หากเกียร์ 4 เสีย ก็เปลี่ยนเฉพาะชุดเฟืองเกียร์ 4 แต่หากเป็นเกียร์ออโต้ก็มักต้องโอเวอร์ฮอลเกียร์ หรือเปลี่ยนลูกใหม่กันไปเลย

3.ประหยัดน้ำมัน

โดยธรรมชาติของเกียร์ธรรมดา ที่แม้ว่าการขับขี่เป็นระยะทางไกล จะต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูงกว่าเกียร์ออโต้ แต่กลับให้อัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ดี เกียร์ออโต้รุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะเกียร์ซีวีที ก็มักปรับอัตราทดมาให้ประหยัดน้ำมันได้ใกล้ๆกันแล้ว

เกียร์ธรรมดา

4.สมรรถนะดั่งใจ

 นอกเหนือจากข้อดีต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น เกียร์ธรรมดายังให้อรรถรสในการขับขี่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังให้อัตราเร่งที่ ‘ดึง’ กว่าเกียร์ออโต้อย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย

5.ราคาถูกกว่า

รถเกียร์ธรรมดาส่วนมากจะมีราคาถูกกว่าเกียร์อัตโนมัติ แต่ก็มักมาพร้อมรุ่นล่างหรือรุ่นกลาง ที่มีออปชันไม่ครบเหมือนกับรุ่นท็อป แต่ก็แลกมาด้วยการบำรุงรักษาง่าย ไม่จุกจิก เหมาะสำหรับใครที่ชอบความประหยัดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว