Search for:
เคล็ดไม่ลับ เสริมฮวงจุ้ย ที่จอดรถในบ้านคุณโดยโรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ
เคล็ดไม่ลับ

เสริมฮวงจุ้ย ที่จอดรถในบ้านคุณโดยโรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ

เรื่องที่จอดรถภายในบ้านนับว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนเมือง ที่มีรถยนต์หลายๆคัน อาจจะต้องนำออกไปจอดหน้าบ้านหรือข้างบ้าน ซึ่งอาจจะมีปัญหาตามมาได้

หลายๆคนอาจจะซื้อบ้านในโครงการต่างๆ ที่มีโรงจอดรถให้ หรือ สร้างขึ้นมาเองตามความชอบวันนี้ โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ  จะมาแนะนำหลักฮวงจุ้ยที่ต้องคำนึงถึง เพื่อช่วยเสริมดวงซะตาให้คนในบ้านกัน

1. ควรสร้างโรงจอดรถไว้เข้าทางด้านซ้ายของตัวบ้าน

านจัดสรรสมัยใหม่มักสร้างโรงจอดรถโดยเว้นที่เว้าเข้าไปในตัวบ้าน มากกว่าสร้างโรงจอดรถแยกต่างหากออกมาจากตัวบ้าน เพราะต้องการประหยัดพื้นที่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งการทำเช่นนี้สามารถทำได้ แต่ ทางเรา NumberOne Drive School โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ แนะนำว่าควรเว้นส่วนที่เว้าดังกล่าวทางด้านซ้ายของตัวบ้าน เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งมังกรเขียว แต่ควรหลีกเลี่ยงทางด้านขวา เพราะอาจส่งผลเสียได้

2. โรงจอดรถที่ดี ต้องแยกจากตัวบ้าน

สำหรับบ้านใครที่มีพื้นที่มาก สามารถสร้างโรงจอดรถแยกออกมาจากตัวบ้านได้ นับว่าเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากในทาง ฮวงจุ้ยถือว่ารถยนต์สามารถนำพาพลังงานที่เลวมาสู่บ้านเรือนได้ แต่หากมองในทางวิทยาศาสตร์ จะเข้าใจได้ว่า สิ่งที่มาพร้อมกับรถยนต์คือก๊าซพิษต่างๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ หากโรงรถอยู่ห่างจากตัวบ้าน ย่อมทำให้คนในบ้านไม่ต้องได้กลิ่นควันรถหรือรับก๊าซพิษเข้าสู่ร่างกาย

3. ไม่ควรสร้างโรงจอดรถตรงกับห้องนอน

หากมีโรงรถภายในบ้าน ต้องระวัดระวังอย่าสร้างห้องนอนตรงกับโรงจอดรถ เพราะเป็นชี่พิฆาต โดยเฉพาะอย่าให้หัวเตียงหันไปแนวเดียวกับทิศทางที่รถวิ่งเข้ามา และไม่ควรสร้างห้องนอนเหนือโรงรถด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เนื่องจากรถยนต์มักปล่อยควันพิษออกมาและมีเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม รวมทั้งมีไอความร้อนด้วย การสร้างห้องนอนทั้งเหนือหรืออยู่ในแนวเดียวกับโรงรถนั้น เสียง ฝุ่น ควัน และมลพิษ ย่อมรบกวนการนอนหลับพักผ่อนและส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

4. ทางรถยนต์วิ่งเข้าบ้าน ต้องสร้างให้ถูกต้อง

ทางรถยนต์ที่วิ่งเข้าบ้าน ควรมีลักษณะราบเรียบเสมอกับตัวบ้าน ไม่ควรลาดเอียงออกจากตัวบ้าน เพราะเชื่อว่าเงินทองจะรั่วไหลออกไป นอกจากนั้น ทางรถวิ่งควรมีความกว้างพอเหมาะ เพื่อให้รถวิ่งได้สะดวก ทั้งยังควรปลูกดอกไม้ต้นไม้ให้ความสวยงามและร่มรื่น ตลอดจนติดไฟให้สว่างด้วย สำหรับทางรถวิ่งที่แคบและเล็ก เชื่อกันว่าโชคลาภจะเข้าสู่บ้านได้ไม่เต็มที่ หรือหากคิดในแง่วิทยาศาสตร์ก็คือ ทำให้เกิดอุบัติเหตุง่ายนั่นเอง

5. อากาศถ่ายเทสะดวก แสงสว่างและวัสดุที่ใช้ทำโรงจอดรถต้องเหมาะสม

โรงจอดรถที่สร้างอย่างถูกหลัก ต้องมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ต้องออกแบบให้มีแสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามาได้อย่างพอเหมาะ เพื่อให้มองเห็นสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจน และต้องติดหลอดไฟให้เหมาะสมด้วย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการมองเห็นในเวลากลางคืน ทั้งยังควรใช้วัสดุที่ที่ไม่มันไม่ลื่น เพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุ โดยเฉพาะหากขับรถเข้ามาในวันที่ฝนตก ล้อรถที่เปียกน้ำหากต้องวิ่งบนพื้นผิวที่ลื่น อาจเกิดอุบัติเหตุเสียหลักได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างยิ่ง นอกจากนั้น ควรติดตั้งปลั๊กไฟในโรงจอดรถด้วย เมื่อต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในการบำรุงซ่อมแซม จะได้สามารถเสียบปลั๊กไฟได้

ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องหมั่นทำความสะอาดโรงจอดรถอยู่เสมอ นอกจากทำให้โรงจอดรถดูใหม่สะอาดสะอ้านแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้หนู ปลวก มด หรือแมลงต่างๆ เข้าไปกัดกินสายไฟหรือส่วนประกอบของรถจนเกิดความเสียหาย ทุกคนสามารถจัดการได้อย่างง่ายๆ ด้วยตนเอง แต่หากบ้านใครมีพื้นที่ไม่เอื้อต่อการสร้างโรงจอดรถลักษณะดังกล่าว ไม่ต้องกังวลใจ ขอเพียงหมั่นทำความดี ก็จะมีเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิตแน่นอน

เทคนิกการขับมอเตอร์ไซค์ ช่วงเวลาหน้าฝน ที่มีน้ำท่วม
เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

เทคนิกการขับมอเตอร์ไซค์ ช่วงหน้าฝน ที่มีน้ำท่วม

ปัญหาเรื่องน้ำท่วมขังมักเกิดขึ้นได้ทุกที่ในช่วงเวลาหน้าฝน การใช้รถจำเป็นต้องมีเทคนิคของการขับขี่เพื่อความปลอดภัยทั้งรถและตัวผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะของการขับขี่อย่างถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง เราจะทำอย่างไรเมื่อต้องขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมขัง วันนี้ โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ มีวิธีรับมือและทักษะของการขับรถอย่างถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยต่อตัวเราเองมาฝากกันครับ

4 วิธี หากต้องขับขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมขัง โดยโรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ

  1.  ไม่ควรขี่รถลุยน้ำท่วมสูงเกินกว่า 1 ฟุต จากระดับพื้นถนน หรือห้ามท่วมถึงคาบููเรเตอร์เด็ดขาด หากเป็นรุ่นหัวฉีดก็ระวังเรื่องน้ำเข้าเครื่องกรองอากาศส่งผลต่อระบบเครื่องยนต์เสี่ยงต่อความเสียหาย และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้โดยง่าย หากไม่รู้จักหรือชำนาญเส้นทางเพราะเวลาน้ำท่วมขังยากที่จะจำหลุม บ่อ แม้ว่าจะเป็นเส้นทางที่เราผ่านทุกวันก็ตาม เมื่อเวลาน้ำท่วมยากที่จะสังเกตเห็นได้ชัดถึงความลึก
  2.  หากพบว่ามีน้ำท่วมขังไม่ควรขับเร็ว โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ แนะนำว่าเราควรเลือกใช้ระดับความเร็วที่พอเหมาะพอดี และเป็นระดับพื้นที่สามารถมองเห็นพื้นถนนได้ ป้องกันไม่ให้น้ำกระจายมากเกินไป หรือบางครั้งอาจจะเจอกับถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ หากขับรถเร็วเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายขึ้นได้ง่าย
  3.  ควรเลือกที่จะเบรกเป็นระยะเพื่อเป็นการไล่น้ำและป้องกันเบรกลื่น ปัญหาน้ำท่วมขังจะทำให้เรื่องผ้าเบรกกับจานเบรกทำงานได้ไม่เต็มที่ เสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุและอันตรายขึ้นได้ง่ายเพราะผ้าเบรกไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ การเบรกย้ำ ๆ บ่อย ๆ ครั้ง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการทำงานของเบรกได้อย่างดีที่สุด
  4.  กรณีที่รถดับ กลางทาง อย่าเพิ่งเร่งรีบสตาร์ทเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด ให้เข็นรถมายังบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึงหรือบริเวณที่มีพื้นแห้งเพื่อต้องการ Check ว่ามีน้ำเข้าท่อไอเสียหรือไม่ หากพบว่ามีน้ำขังให้หาทางระบายน้ำออกโดยเร็ว หลังจากนั้นให้ทำการสตาร์ทเครื่องด้วยคันสตาร์ทเท้าจะดีที่สุด ควรเร่งเครื่องทิ้งไว้ 3-5 นาทีก่อน เพื่อต้องการเร่งเครื่องให้ร้อนขึ้นมาจากเดิม

แล้วในกรณีที่รถสตาร์ทติดแล้วต้องทำอย่างไรหลังจากถูกน้ำท่วม

ให้ลุยน้ำมาจนไปจนถึงบริเวณที่แห้งไม่มีน้ำท่วมขัง เพื่อป้องกันปัญหาซ้ำซ้อนและเพื่อความปลอดภัย หลังจากที่ลุยน้ำมาได้แล้วให้เราอย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ในทันที เพราะอาจยังมีน้ำตกค้างอยู่ในท่อไอเสีย หากเราเลือกที่จะดับเครื่องทันทีเสี่ยงต่อการทำให้ท่อผุก่อนเพราะมีน้ำขังอยู่ ดังนั้นการเลือกที่จะสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้สักพักจะทำให้น้ำในท่อเริ่มระเหยออกไปในรูปแบบไอน้ำ หรือควันลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เปรียบเหมือนกับเพิ่มความร้อนไปยังท่อเพื่อให้น้ำมีความร้อนสูงขึ้น

ทั้งนี้การขับมอเตอร์ไซค์เมื่อต้องพบปัญหาน้ำท่วมทั้งที่เครื่องดับหรือไม่ดับจำเป็นรู้จักวิธีจัดการอย่างถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการกำจัดน้ำและป้องกันน้ำเข้าเครื่องหรือระบบได้อย่างดีเยี่ยมที่สุด โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนจำเป็นต้องเพิ่มความระวังเรื่องอุบัติเหตุให้มากที่สุด โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ

ถุงลมนิรภัย หรือ Airbag อุปกรณ์ที่สำคัญมากๆต้องมีในรถยนต์ทุกรุ่นNumberOne Drive School โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ
Airbag

ถุงลมนิรภัย หรือ Airbag อุปกรณ์ที่สำคัญต้องมีในรถยนต์ทุกรุ่น

ถุงลมนิรภัย หรือ Airbag อุปกรณ์ที่สำคัญมากๆต้องมีในรถยนต์ทุกรุ่น เพราะเป็นตัวช่วยป้องกันการกระแทก ลดอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์วันนี้ NumberOne Drive School โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ จะมาแนะนำความรู้เกี่ยวกับถุงลมนิรภัย โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ

หน้าที่ของถุงลมนิรภัย

โดยหลักการทำงานของถุงลมนิรภัย หลักๆเลยจะคือส่วนเซนเซอร์ ที่จะคอยตรวจจับแรงกระแทก เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่รุนแรงเซนเซอร์จะส่งสัญญาณให้ถุงลมนิรภัยพองตัวทำงานทันที เพื่อป้องกันผู้ใช้รถปะทะหรือกรแทกกับส่วนต่างๆในรถยนต์ รวมไปถึงเศษกระจกรถที่แตกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ตำแหน่งของถุงลมนิรภัยอยู่ตรงไหนบ้างนะ?

ถุงลมด้านหน้า จะอยู่บริเวณโครงด้านหน้ารถทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ช่วยป้องกันคนขับและผู้ที่นั่งข้างคนขับ
ถุงลมด้านข้าง จะอยู่บริเวณประตูรถหรือที่ตัวเบาะนั่ง มีเซนเซอร์เช่นเดียวกับถุงลมด้านหน้าช่วยป้องกันการกระแทกส่วนครึ่งกลาง และด้านล่างของร่างกาย
ม่านถุงลม โดยมากแล้วรถยนต์ที่มีราคาค่อนข้าสูงจะเลือกติดในจุดนี้ ช่วยป้องกันการชนจากด้านข้างในระดับปานกลางถึงรุนแรง ถุงลมแบบม่านจะพองตัวออกมา
ถุงลมป้องกันเข่าและขา จะอยู่บริเวณใต้คอนโซลของผู้ขับรถ เพื่อช่วยป้องกัน ขา เข่า สะโพก ไปชนเข้ากับคอนโซลรถ รวมถึงบริเวณใต้พวงมาลัย
ถุงลมที่พื้นใต้เท้า ปัจจุบันตำแหน่งนี้ไม่นิยมใช้มากเท่าไหร่ เป็นส่วนมี่ช่วยป้องกันแรงกระแทก ช่วยผ่อนแรงบริเวณเท้าที่จะไปกระแทกกับพื้น โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ

ข้อควรระวังของถุงลมนิรภัย โดย โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ

ในขณะถุงลมนิรภัยทำงานจะมีการระเบิดของแก๊สไนโตรเจน เข้ามาเกี่ยวข้อง ความรุนแรงขณะพองตัวของถุงลมจึงสูงเป็นพิเศษ ตำแหน่งที่ถุงลมจะปะทะกับผู้โดยสารจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถ้าเกิดการปะทะกับอวัยวะร่างกายในส่วนที่ไม่เหมาะสม ถุงลมนิรภัยก็จะก่อให้เกิดอันตรายขึ้นกับผู้โดยสารได้เช่นกัน และ ตำแหน่งที่บังคับให้ผู้โดยสารปะทะกับถุงลมนิรภัย คือ ตำแหน่งที่ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เท่านั้น

ทั้งนี้ห้ามวางสิ่งของบนแป้นถุงลมนิรภัย เพราะถ้าถุงลมนิรภัยทำงานทำให้เกิดอันตราย นอกจากนี้ห้ามติดสติกเกอร์บนแป้นถุงลมนิรภัย มิฉะนั้นถุงลมอาจจะไม่ระเบิดออกมา และในกรณีที่มีเด็กเล็กนั่งมาด้วย ขอแนะนำให้นั่งที่เบาะหลัง และควรคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย

จะเห็นได้ว่าถุงลมนิรภัยนั้นมีความสำคัญต่อรถเราอย่างมาก แต่หลายคนหากเลือกได้ก็คงไม่อยากเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับตัวเราและรถของเรา

โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ

สอนขับรถศรีสะเกษ
NumberOne Drive School โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ

8 วิธีแก้ปวดหลัง เมื่อขับรถเดินทางนานๆ

เมื่อต้องเดินทางไกลๆ เป็นเวลานานและต้องอยู่บนรถเป็นเวลาหลายชั่วโมง นอกจากจะเกิดอาการเพลียเมื่อขับรถแล้วยังคงมีอาการปวดเมื่อยตัวด้วยแน่ๆ ซึ่งอาการปวดเมื่อยตัวหรือปวดหลังเกิดจากการนั่งทางที่ไม่เหมาะสม ทั้งอาจจะนั่งชิดหรือห่างจากพวกมาลัยจนเกินไป นอกจากมีอาการปวดแล้วยังทำให้หลังของเรานั้นมีลักษณะที่โค้งงอ ถ้าหากไม่ปรับเปลี่ยนถ้านั่งให้ถูกต้องอาจมีผลกระทบต่อการขับรถได้ รวมถึงผลเสียต่อสุขภาพของผู้ขับขี่อีกด้วย

วันนี้ ทาง NumberOne Drive School โรงเรียนสอนขับรถศรีสะเกษ มีวิธีแก้ปวดหลังเมื่อเดินทางไกลมาฝาก

  1. นั่งให้ชิดเบาะ เวลานั่งให้แผ่นหลัง สะโพก และต้นขา ชิดเบาะมากที่สุด เพื่อให้เบาะโอบรับสรีระของร่างกายให้มากที่สุด
  2. ปรับระยะห่างที่นั่ง ระยะที่เหมาะสมคือระยะที่เข่าของคุณจะงอเล็กน้อยเวลาเหยียบเบรกจนสุด นอกจากจะทำให้เหยียบเบรกหรือคันเร่งได้อย่างเต็มที่แล้ว ยังช่วยลดการบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุ
  3. ปรับความสูงของที่นั่ง เพื่อให้ได้ทัศนะวิสัยที่ดี มองเห็นได้รอบรถและมองเห็นกระจกแต่ละส่วนได้ชัดเจน ซึ่งการปรับกระจกทั้ง 3 บาน เพื่อให้เห็นทัศนวิสัยโดยบานกลางจะต้องเห็นด้านท้ายของรถ ส่วนบานด้านซ้ายและขวาต้องให้เห็นตัวรถ 1 ส่วน 4
  4. ปรับเบาะที่นั่งเงยขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้สามารถเหยียบคันเร่งหรือเบรกได้ง่ายขึ้นและให้เบาะนั่งรับกับต้นขาได้ดีขึ้น
  5. ปรับพนักพิงให้เอนประมาณ 110 องศา เพื่อสร้างระยะห่างจากพวกมาลัยที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น
  6. ปรับเบาะรองศีรษะให้ตรงกับระดับใบหูของผู้ขับหรือกึ่งกลางของใบหู และระยะห่างระหว่างศีรษะกับเบาะรองศีรษะควรอยู่ที่ประมาณ 2 เซนติเมตร
  7. ระยะพวงมาลัย ยืดแขนไปพาดอยู่บนพวกมาลัย แล้วปรับให้ระยะของพวงมาลัยอยู่ระยะของข้อมือของเรา โดยที่ตัวยังแนบอยู่กับที่นั่ง เมื่อปรับได้ระยะที่ถูกต้องแล้ว แขนของเราจะงอเล็กน้อยเวลาจับพวกมาลัย ซึ่งทำให้ง่ายต่อการควบคุม
  8. ปรับมุมพวงมาลัยให้อยู่ในองศาที่เมื่อจับพวงมาลัยแล้วรู้สึกถนัดมากที่สุด ไม่รู้สึกว่าต้องเอื้อม หรือเกร็งไหล่